หากใครที่ติดตามข่าวสารด้านกีฬาโอลิมปิกและชื่นชอบรับชมการแข่งขัน จะเห็นได้เลยว่ากีฬาว่ายน้ำมักนับจะเป็นหนึ่งในประเภทกีฬาที่คว้าเหรียญรางวัลไปได้มากเป็นอันดับต้น ๆ ของการแข่งขัน และมันก็นับว่าเป็นกีฬาที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากมายอีกด้วย เพียงแค่ฝีไม้ลายมือและความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะคว้ารางวัลได้ เรามาดูกันว่าที่ผ่านมานั้นมีนักกีฬาว่ายน้ำคนไหนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ตำนาน” บ้าง
1. Krisztina Egerszegi (คริสติน่า อีเกอร์สเซกี้)
คริสติน่า ถือว่าเป็นเงือกสาวชาวฮังการีที่ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 นักว่ายน้ำระดับโลก โดยเธอเปิดตัวเริ่มชิงการแข่งขันเมื่อตอนอายุ 13 ปีในการแข่งขันระดับนานาชาติ European Aquatics Championships เมื่อปี 1987 ในสมัยนั้นเธอสามารถครอบครองรางวัลเหรียญทองท่าเดี่ยวในโอลิมปิกได้ถึง 3 สมัย คือที่โซล, บาร์เซโลน่า และแอตแลนต้า
นอกจากนี้ เธอยังสามารถคว้าเหรียญไปได้ทั้งสิ้น 5 เหรียญทองจากท่าเดี่ยวทั้งหมด และยังมีเหรียญทองแดงกับเหรียญเงินอีก 1 เหรียญอีกด้วย ซึ่งท่าเก่งของเธอที่ทำให้คว้าชัยชนะได้ไปก็คือ ท่ากรรเชียง 200 เมตร ต่อมาเมื่ออายุ 17 ปี ครั้งนั้นเธอได้รับการยกย่องว่าเป็นนักกีฬาว่ายน้ำฮังการีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโอลิมปิกอีกด้วย และเป็นเจ้าของสถิติโลกครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 17 ปี
2. Michael Fred Phelps (ไมเคิล เฟรด เฟ็ลปส์)
ไมเคิล หนุ่มนักว่ายน้ำสัญชาติอเมริกันที่นับว่าเป็นนักว่ายน้ำที่ได้ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาลในการแข่งขันโอลิมปิก โดยเขาคว้ารางวัลเหรียญทองในกีฬาว่ายน้ำไปได้ถึง 13 เหรียญในการว่ายน้ำประเภทเดี่ยว นอกจากนี้ในการแข่งขันแบบทีมเขาก็ทำได้ดีไม่แพ้ใครโดยได้ 10 เหรียญทองประเภททีมผลัด โดยรวมแล้วเขาสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกไปได้ถึง 23 เหรียญ นอกจากนี้ยังมี 3เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง อีกด้วย
ไมเคิล ประสบความสำเร็จในการแข่งขันโอลิมปิกเป็นอย่างมากเมื่อปี 2004 จนถึง 2016 โดยครั้งที่เขาได้รับการจดจำมากที่สุดคือการแข่งขันโอลิมปิก ณ กรุงปักกิ่งในปี 2008 เนื่องจากเขาสามารถคว้ารางวัลได้ถึง 8 เหรียญทองในท่าเก่งของเขาซึ่งก็คือ ท่าฟรีสไตล์, เดี่ยวผสม และท่าผีเสื้อ
3. Inge de Bruijn (อิงเก้ เด บรุย)
นักว่ายน้ำสาวชาวดัตซ์จากประเทศเนเธอร์แลนด์ อิงเก้ เธอเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกที่บาร์เซโลน่าในปี 1992 ซึ่งในขณะนั้นเธอมีอายุ 19 ปี แต่ตั้งแต่เริ่มเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนั้นเธอก็ไม่เคยได้รับเหรียญรางวัลอะไรเลย จนเมื่ออายุ 27 ปี เธอก็สามารถคว้าชัยในกีฬาว่ายน้ำโอลิมปิกเมื่อปี 2000 ที่ซิดนีย์ได้ โดนได้รับ 3 เหรียญทองกับอีก 1 เหรียญเงิน
โอลิมปิกครั้งต่อมา เธอก็สามารถคว้าได้อีก 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง ทำให้รวม ๆ แล้วในการแข่งขัน 2 สมัยนี้เธอสามารถเก็บเหรียญได้ถึงเหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง นับว่าความพยายามแข่งขันตั้งแต่ครั้งแรกของเธอเมื่อตอนอายุ 19 ปีไม่เสียเปล่าไปเลยจริง ๆ จนทำให้เธอได้กลายมาเป็นตำนานนักว่ายน้ำที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอันดับ 2
4. Kosuke Kitajima (โคซูเกะ คิตาจิม่า)
โคซูเกะ เจ้าของฉายาฉลามปลาดิบชาวญี่ปุ่น ที่คนญี่ปุ่นต่างก็ร่วมส่งแรงใจเชียร์และยกย่องชายหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาสามารถคว้าชัยได้ถึง 4 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง ในโอลิมปิก 3 สมัยหลังที่เขาเข้าร่วม แต่หากพูดถึงสรีระด้านร่างกาย โคซูเกะ สูงเพียง 177 ซม. เท่านั้นเมื่อเทียบกับนักว่ายน้ำชาวยุโรปแต่เขาก็สามารถสู้กับคนอื่น ๆ ได้อย่างสบาย ทำให้เขานับว่าเป็นผู้นำในการพาผู้แข่งขันทั่วทั้งทวีปเอเชียให้ก้าวผ่านอุปสรรคในด้านของรูปร่างไปได้เลย
5. Alexander Popov (อเล็กซานเดอร์ โปปอฟ)
อเล็กซานเดอร์ หนุ่มนักว่ายน้ำจากประเทศรัสเซีย โดยสไตล์การว่ายของเขาจะเป็นในรูปแบบฟรีสไตล์ระยะสั้นแบบยุค 90 โดยเขาเริ่มแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกเมื่อปี 1992 และคว้าเหรียญทอง 4 เหรียญจากการแข่งขันได้ โดยเขาได้ลงแข่งขันว่ายน้ำในนามของทีม Unified Team ซึ่งทีมนี้เป็นทีมรวม 12 ประเทศที่แยกมาจากสหภาพโซเวียต และเมื่อปี 1996-2000 เขาได้เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 2 และ 3 ในนามของประเทศรัสเซีย และในสมัยนั้นเขาก็ได้คว้า 4 เหรียญทอง และ 5 เหรียญเงินในการแข่งขันระยะสั้น 100 เมตร ทำให้เขาได้รับฉายาว่าเป็น “ราชาระยะสั้น”
6. Mark Andrew Spitz (มาร์ค สปิตซ์)
มาร์ค สปิตซ์ ฉลามหนุ่มชาวอมเริกันที่เป็นเจ้าของ 9 เหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกสมัยที่ 2 ณ กรุงเม็กซิโกและมิวนิกในปี 1968-1972 โดยการแข่งขันที่เขาได้เข้าร่วมทั้งหมดนั้นเป็นการแข่งขันรายการเดี่ยวที่ได้รับ 4 เหรียญทองและการแข่งขันแบบทีมผลัดเขาก็ได้คว้าไปอีก 5 เหรียญทองพร้อมกับอีก 1 เหรียญเงินและเหรียญทองแดงอีกด้วย ซึ่งช่วงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นขาขึ้นของเขาคือช่วงการแข่งขันเกมที่มิวนิกที่เขาคว้าได้มากถึง 7 เหรียญทอง นับว่าเป็นการคว้าเหรียญทองที่มากที่สุดในการแข่งขันโอลิมปิกในช่วงเวลานั้นเลยก็ว่าได้
7. Katie Ledecky (เคที่ เลเด็คกี้)
เคที่ นักว่ายน้ำสาวจากสหรัฐอเมิรกาที่ได้รับฉายาว่าเป็น Distance Queen โดยท่าเก่งของเธอคือการว่ายน้ำรูปแบบฟรีสไตล์ระยะไกล ซึ่งฝีไม้ลายมือของเขาก็นับว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ เพราะได้รับเหรียญทองโอลิมปิกครั้งแรกตอนที่เธออายุได้เพียง 15 ปีเท่านั้นในการแข่งขันโอลิมปิกในปี 2012 ที่กรุงลอนดอน
ท่าเก่งที่ถนัดของเธอคือการแข่งขันฟรีสไตล์ 800 เมตร โดยเมื่อปี 2016 เธอได้กวาดรางวัลไปคนเดียวถึง4 เหรียญทองกับ 1 เหรียญเงิน รวม 2 โอลิมปิกแล้วเธอสามารถคว้ารางวัลไปได้ถึง 5 เหรียญทองกับอีก 1 เหรียญเงินเลยทีเดียว
8. Yana Klochkova (ยานา คล็อตโคว่า)
นักกีฬาว่ายน้ำสาวสวยดีกรีไม่ธรรมดาจากประเทศยูเคน โดยยานาได้รับฉายาว่าเป็น Medley Queen หรือที่เรียกว่าราชินีแห่งท่าเดี่ยวผสมนั่นเอง เธอสามารถคว้าเหรียญทอง 4 เหรียญและอีก 1 เหรียญเงินในการแข่งขันโอลิมปิกได้ นอกจากนี้เธอยังได้รับการขนานนามว่าเป็นนักว่ายน้ำหญิงคนแรกในโอลิมปิกที่สามารถป้องกันแชมป์รายการเดี่ยวใน 2 ท่าได้อีกด้วย
9. Tamás Darnyi (ทามาส ดาร์นยี่)
หนุ่มชาวฮังการีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักว่ายน้ำท่าเดี่ยวผสมที่ดีที่สุดในโลก โดยเขาสามารถคว้าชัยด้วยการได้รับเหรียญทองจากโอลิมปิกได้ด้วยดวงตาเพียงข้างเดียวเท่านั้น เนื่องจากเขาได้สูญเสียดวงตาข้างซ้ายไปเมื่ออายุ 15 ปี เขาเริ่มแข่งขันว่ายแบบเดี่ยวผสมตั้งแต่ปี 1985 และก็ได้เลิกแข่งว่ายน้ำในปี 1993 ซึ่งที่ผ่านมานั้นเขาไม่เคยแพ้ใครแม้แต่ครั้งเดียว
10. Janet Beth Evans (เจเน็ต อีแวนส์)
เจเน็ต หนึ่งในเงือกสาวชาวอเมริกันที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นราชินีแห่งการว่ายฟรีสไตล์ตั้งแต่ระยะกลางถึงไกล เธอได้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเป็นระยะเวลา 2 สมัยด้วยกัน ซึ่งก็คือในปี 1988 และ 1992 โดยเมื่อปี 1998 เธอสามารถคว้ารางวัลไปได้ถึง 3 เหรียญทองในการแข่งขันที่กรุงโซล ได้แก่ เหรียญในฟรีสไตล์ 400 เมตร, 800 เมตร และในท่าเดี่ยวผสม 400 เมตร ส่วนในปี 1992 เธอก็สามารถป้องกันแชมป์ในการแข่งขันฟรีสไตล์ 800 เมตรและคว้าเพิ่มอีก 1 เหรียญเงินในท่าฟรีสไตล์ 400 เมตรในการแข่งขันที่บาร์เซโลน่าได้อีกด้วย
ซึ่งทั้ง 10 คนนี้แต่ละคนนั้นก็นับว่าเป็นตำนานในการแข่งขันว่ายน้ำของโอลิมปิกที่น่าจดจำจนถึงทุกวันนี้ จริง ๆ แต่กว่าจะผ่านมาจนถึงในจุดที่เรียกว่าเป็นตำนานและสามารถคว้าเหรียญต่าง ๆ ได้นั้น ต้องใช้ความอดทนและคามพยายามไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้เราเห็นว่าถ้าเรามุ่งมั่นและพยายามฝึกฝนอย่างต่อเนื่องแล้วความสำเร็จต้องรออยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน
อ้างอิง :